SkyRocket โรงเรียนสอนภาษาที่ให้มากกว่าภาษาอังกฤษ
เคยกังวลไหม❓ สักวันหนึ่งถ้าลูกของเราเข้าโรงเรียนอนุบาลไปจะเป็นอย่างไร
👉 ไม่กล้าทิ้งลูกไว้คนเดียวที่โรงเรียนเลย
👉 ลูกจะสามารถเข้ากับเด็กคนอื่นได้ไหม
👉 ลูกจะทำกิจกรรมได้หรือไม่
วันนี้ เราอยากแนะนำสถานที่ที่จะเป็นตัวช่วยให้ผู้ปกครองที่กำลังกังวลเรื่องเหล่านี้ได้รู้จักค่ะ ที่นั่นก็คือ “SkyRocket” สถาบันสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก อายุ 1.5-10 ปี ที่มีรูปแบบการเรียนการสอนที่น่าสนใจ โดยนำนวัตกรรมใหม่ล่าสุดมาใช้เป็นเทคโนโลยีเพื่อการศึกษา แต่ยังคงพื้นฐานของการใช้เทคนิคในการสอนภาษาเพื่อการสื่อสาร หรือ Communicative Language Teaching นั่นเอง
คุณพ่อคุณแม่จะหมดกังวลไปเลย เพราะที่นี่ เชี่ยวชาญเรื่องโปรแกรม International Pre-school สำหรับเด็กเล็กก่อนเข้าอนุบาล โดยมีการเรียนการสอนในวันธรรมดาคล้ายกับโรงเรียนจริงๆ ถึงแม้จะต้องแยกกับผู้ปกครอง แต่วางใจได้เลย เพราะที่นี่มีกล้อง CCTV และแอพลิเคชั่นที่ผู้ปกครองสามารถเข้าไปดูน้องๆ ได้ตลอดทั้งคลาส ได้เห็นพฤติกรรมของเขาเวลาที่ไม่ได้อยู่กับเรา เพื่อให้ผู้ปกครองสบายใจและมีความไว้วางใจในมาตรฐานด้านการเรียนการสอน รวมถึงการดูแลเด็กของโรงเรียนอีกด้วย นอกจากนี้ที่โรงเรียนยังมีมาตรการป้องกันด้านสุขภาพอนามัยของนักเรียนรวมถึงพนักงานทุกคนในโรงเรียน มีการดูแลรักษาความสะอาดที่ดี เพื่อให้ผู้ปกครองมั่นใจได้ว่าน้อง ๆ ได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด
ในห้องเรียนจะมี Promethen ActivBoard เป็นอุปกรณ์แบบโต้ตอบ (Interactive Board) ที่เป็นมัลติทัช (Multi-touch) และสามารถมีผู้ใช้หลายคนพร้อม ๆ…
‼️ รู้หรือไม่ว่า..การขู่ลูกให้กลัว ‼️
ส่งผลต่อพัฒนาการของเด็ก จะทำให้ลูกกลายเป็นเด็กขี้กลัว และส่งผลต่ออนาคตให้กลายเป็นคนขี้กังวล แน่นอนว่ามันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง เพราะการที่ลูกเชื่อฟังในตอนแรกจะมาจากความหวาดกลัวในคำขู่ต่าง ๆ ซึ่งทำให้ส่งผลต่อการลำดับความคิดของเด็ก และยังเป็นการปลูกฝังความเชื่อผิด ๆ ที่สร้างผลกระทบต่อ การดำเนินขีวิตและขัดขวางพัฒนาการของลูกน้อย ทำให้ลูกจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ เนื่องจากโดนความกลัวจากการขู่ครอบงำ
ดังนั้น เหล่าคุณพ่อแม่ควรสื่อสารด้วยการ บอกเหตุและผลที่สอดคล้องแทนการขู่ให้กลัว เพื่อเด็กจะได้มีการพัฒนาการทางสมองในเรื่องภาษาและการเรียนรู้ที่ดีตามไปด้วย
“ขู่ลูก” ส่งผลเสียอย่างไร
รู้หรือไม่ว่า การขู่หรือการดุลูก ส่งผลเสียต่อพฤติกรรมของลูกน้อย และปลูกฝังนิสัยที่ไม่ดีกับความเชื่อผิด ๆ ให้กับลูกน้อยได้ เช่น
- บั่นทอนจิตใจ
- สร้างนิสัยก้าวร้าว
- ไม่กล้าเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ (มักติดอยู่ใน Safe zone)
- ไม่เชื่อมั่นในตัวพ่อแม่
- ไม่มั่นใจในตัวเอง
ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรทำความเข้าใจผลเสียของการขู่ ดุ ด่า และมาดูวิธีเลี่ยงการกระทำเหล่านี้กันค่ะ
ก่อนนอน (ผีจะมาหลอก...ถ้ายังไม่นอน)
จะทำให้ลูกเกิดอาการหวาดกลัว และไม่กล้าอยู่คนเดียวในเวลากลางคืน ซึ่งจะไม่รู้เหตุผลจริงๆว่า ทำไมถึงต้องรีบนอนในเวลากลางคืน เนื่องจากเป็นเวลาที่ร่างกายต้องการพักผ่อน ดังนั้น พ่อแม่ควรสื่อสารโดยการบอกเหตุและผลกระทบของการนอนดึก แทนการขู่ลูกให้กลัว ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหนูนอนดึก จะทำให้พรุ่งนี้เช้าหนูจะตื่นไปโรงเรียนไม่ทัน
พาไปหาหมอ (ถ้าดื้อจะโดนฉีดยา)
ส่งผลให้ลูกน้อยเกิดอาการกลัวหมอ ในกรณีที่ลูกเกิดอาการเจ็บป่วยไม่สบายขึ้นมา ส่งผลกระทบให้คุณหมอทำงานได้ยากขึ้น เนื่องจากลูกน้อยปฏิเสธการรักษาหรืออาละวาดเพราะว่ากลัวหมอ ซึ่งอาจทำให้อาการป่วยหายช้าลงก็เป็นได้…
การเลี้ยงลูกให้เติบโตเป็นเด็กที่ไม่ดื้อ ไม่ซนนั้นก็สำคัญแต่สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือการสอนลูกให้มองโลกในแง่บวกมากยิ่งขึ้น ยิ่งโตขึ้นก็ยิ่งมีเรื่องให้คิดไม่ตกเยอะขึ้น ถ้าลูกของเราโตมาเป็นคนที่มีความคิดในแง่บวก ปัญหาที่เข้ามาไม่ว่าจะเป็นปัญหาแบบไหนเด็กย่อมสามารถรับปัญหานั้นได้ด้วยตัวเองแน่ๆ วันนี้เราจึงอยากจะมานำเสนอเทคนิคเล็กๆน้อยๆเพื่อสอนลูกของเราเป็นเด็กที่คิดในแง่บวก ไปดูกันเลยดีกว่า
1. สอนลูกให้เป็นตัวของตัวเอง
การไม่ปิดกั้นความคิดของเด็กๆ จะยิ่งช่วยให้เด็กสามารถค้นหาตัวเองได้ดีขึ้น การเป็นตัวของตัวเองนั้นทำให้ตัวเด็กรู้สึกดีมากยิ่งขึ้น การสอนให้เด็กเป็นตัวของตัวเอง รักในสิ่งที่ตนเองเป็น พอใจในสิ่งที่ตนมีทำให้เด็กมีทัศนคติที่ดีและแง่บวกมากขึ้น
2. เปิดโอกาสให้ลูกคิด
ความคิดสร้างสรรค์ในวัยเด็ก เป็นอะไรที่ไม่ควรปิดกั้นอย่างยิ่งเพราะจะทำให้เด็กอึดอัดที่ไม่ได้แสดงออกทางความคิดสร้างสรรค์อย่างเต็มที่ การที่เราหวังดีมากจนเกินไปจนกลายเป็นการบังคับทำให้เด็กไม่ได้คิดอะไรด้วยตัวเอง จะทำให้เด็กเริ่มมองสิ่งต่างๆดูแย่มากขึ้น เพราะฉะนั้นเทคนิคของนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยให้เด็กคิดในแง่ดีมากยิ่งขึ้น
3. สร้างรอยยิ้มสู้ปัญหา
การยิ้มคือการแสดงความสุขออกมา นอกจากจะยิ้มเวลาที่เรารู้สึกดีแล้วยังทำให้คนอื่นที่เห็นรู้สึกดีตามไปอีกด้วย
4. สอนให้ลูกคิดในแง่ดี
ลองให้เด็กได้แสดงความคิดเห็นออกมาในแต่ละสถานการณ์ และสอนลูกๆของเราว่าความคิดไหนจะส่งผลอะไรบ้าง ให้เด็กได้เรียนรู้ว่าความคิดแบบนั้นเป็นแง่ลบหรือแง่ดี ถ้าความคิดของลูกเป็นไปในแง่ที่ไม่ดี เราจะได้สามารถสอนลูกของเราได้ว่าการคิดในแง่ดีนั้นเป็นอย่างไร
5. เป็นตัวอย่างที่ดีให้ลูก
สิ่งสำคัญของการสอนลูกของเราคือ การเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูก แน่นอนว่าลูกของเราจะเลียนแบบพฤติกรรมของเราอย่างแน่นอน ถ้าเราคิดในแง่ร้ายและทำแต่สิ่งร้ายๆ เด็กก็จะติดมันไปด้วย แต่ถ้าเราเป็นแบบอย่างที่ดี เลือกทำแต่สิ่งที่ดีๆ แน่นอนว่าลูกของเราจะต้องทำตามอย่างแน่นอน ^^